ศิลปะ จัดเป็นภาษาหนึ่งที่มนุษย์ใช้สื่อสาร แสดงออกเพื่อเชื่อมโยงความคิดความเข้าใจเข้าด้วยกัน ซึ่งการแสดงออกทางศิลปะนั้นมักจะแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการและการสร้างสรรค์ของแต่ละบุคคล
สำหรับเด็ก จะมีพัฒนาการไปได้มากหรือน้อยเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม โอกาสที่จะได้รับจากผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อจะส่งเสริมให้เด็กได้สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ละจินตนาการของเค้าออกมาในหลายๆด้าน เช่นจากการวาดภาพระบายสี การปั้น การเล่าเรื่อง เป็นต้น
ในการศึกษาค้นคว้าพัฒนาการทางศิลปะของเด็กนั้น ได้แบ่งพัฒนาการทางศิลปะของเด็กไว้เป็น 5 ขั้นด้วยกันคือ
1.ขั้นขีดเขี่ย (Scribbling Stage) อายุระหว่าง 2-4 ปี โดยในขั้นนี้แบ่งพัฒนาการออกเป็น 4 ขั้น คือ
- Disorder Scribbling ( 2 ปี) เป็นขั้นที่มีการขีดเขียนแบบสะเปะสะปะ ยุ่งเหยิง ปราศจากความหมาย เนื่องจากการประสานงานของกล้ามเนื้อมือยังไม่ดี
- Longitudinal Scribbling ขั้นขีดเป็นเส้นยาวๆ เด็กจะเคลื่อนแขนขีดได้เป็นเส้นยาวซ้ำหลายๆครั้ง ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เริ่มมีการควบคุมกล้ามเนื้อมือได้ดีขึ้น
- Circular Scribbling เป็นขั้นที่เด็กสามารถลากเนเป็นวงกลมได้แล้ว ซึ่งในระยะนี้การประสานงานของกล้ามเนื้อมือดีและสายตาขึ้น
- Noming Scribbling เป็นขั้นขีดเขียนที่มีความหมายมากขึ้น โดยรูปที่วาดมักเป็นรูปจากสิ่งรอบตัว เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง
พัฒนาการทั้ง 4 ระยะนี้ มักขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคนว่าจะมีพัฒนาการเร็วถึงขั้น Noming Scribbling ก่อน (นับว่าเป็นพัฒนาการที่สำคัญมาก) เพราะในขั้นนี้นอกจากเป็นการพัฒนาในเรื่องการเคลื่อนไหวแล้ว ยังเป็นการพัฒนาการใช้ความคิด จินตนาการอีกด้วย
2. ขั้นเริ่มขีดเขียน (Pre-Schematic Stage) อายุระหว่าง 4-7 ปี เป็นระยะเริ่มต้นการเขียนภาพอย่างมีความหมาย การขีดเขียนจะปรากฎเป็นภาพชัดเจนมากขึ้น สัมพันธ์กับความเป็นจริงของโลกภายนอกมากขึ้น มีความหมายกับเด็กมากขึ้น
- คนที่วาดอาจเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ตุ๊กตาที่รัก สัตว์เลี้ยงตัวโปรด
- ชอบใช้สีที่สะดุดตา ไม่นึกถึงความเป็นจริงตามธรรมชาติ
- ช่องไฟ ภายในภาพยังไม่เป็นระเบียบ สิ่งที่เขียนมักกระจัดกระจายไม่สัมพันธ์กัน
- การออกแบบ ไม่ค่อยมีหรือไม่มีเลย นึกอะไรก็จะเขียนเลย
3. ขั้นขีดเขียน (Schematic Stage) อายุระหว่าง 7-9 ปี เป็นขั้นที่ขีดเขียนให้คล้ายของจริง ดูได้จาก
- คน ยังไม่ค่อยเป็นรูปร่างคนเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใดที่เด็กเห็นว่าสำคัญก็มักจะวาดส่วนนั้นให้ใหญ่เป็นพิเศษ ส่วนที่ไม่สำคัญก็อาจตัดทิ้งไปเลย ฉะนั้น เรามักจะเห็นเด็กวัยนี้วาดภาพส่วนต่างๆขาดหายไป เช่น ลำตัว แขน ขา เท้า หรือบางทีอาจจะเป็นภาพคนหัวโต ตาโต แขนโตไปเลยก็ได้ แล้วแต่ว่าเด็กจะให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุด
- การใช้สี ส่วนมากใช้สีตรงกับความจริง แต่มักใช้สีเดียวกันตลอด เช่น พระอาทิตย์ต้องสีแดง พระจันทร์ต้องสีเหลือง ท้องฟ้าต้องสีฟ้า ใบไม้ต้องสีเขียว
- ช่องว่าง มีการใช้เส้นฐานแล้วเขียนทุกอย่างสัมพันธ์กันบนเส้นฐาน เช่น วาดรูปคน สุนัข ต้นไม้ บ้านอยู่บนเส้นเดียวกัน ภาพที่ออกมาจะเป็นลำดับเหตุการณ์ ส่วนสูง ขนาด ยังไม่มีความสัมพนธ์กัน
- งานออกแบบไม่ค่อยดี มักเขียนตามความพอใจของตนมากกว่า
4. ขั้นวาดภาพของจริง (The Drawing Realism ) อายุระหว่าง 9-11 ปี เป็นขั้นเริ่มต้นการขีดเขียนอย่างของจริง เนื่องจากระยะนี้เด็กเริ่มมีการรวมกลุ่มโดยแบ่งแยกชาย หญิง เด็กผู้ชายชอบการผาดโผน เด็กผู้หญิงชอบการแต่งตัว ดังนั้น เรืองราวการขีดเขียนจึงแสดงออกตามแต่ละบุคคล
- คน จะเน้นเรื่องเพศด้วยเครื่องแต่งตัว แต่กระด้างๆ
- สี ใช้ตามความเป็นจริง แต่อาจมีแทรกความรู้สึกเข้าไป เช่น บ้านคนจนอาจใช้สีมัวๆ บ้านคนรวยอาจใช้สีสดใส
- ช่องว่าง ทุกอย่างในช่องว่างเหลื่อมล้ำกันได้ เช่น ต้นไม้บังท้องฟ้า วาดฟ้าคลุมไปถึงพื้นดิน รูปผู้หญิงมักเน้นลวดลาย รูปผู้ชายมักเป็นเรื่องราวการต่อสู้
การจัดวัตถุให้สัมพันธ์กันเป็นเรื่องสำคัญมากในระยะนี้ เพราะเป็นระยะแรกของพัฒนาการทางการรับรู้ทางสายตา ซึ่งนำไปสู่การวาดภาพสามมิติได้อีกต่อหนึ่ง
- การออกแบบ ประสบการณ์ของเด็กจะทำให้เด็กมีการออกแบบมากขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้น
5. ขั้นตอนการใช้เหตุผล (The Stage of Reasoning) อายุระหว่าง 11-12 ปี ขั้นการใช้เหตุผลระยะเข้าสู่วัยรุ่น เป็นระยะที่เด็กแสดงออกมาอย่างไม่รู้สึกตัว เช่น เอาไม้บรรมัด ดินสอมาร่อนแล้วทำเสียงเครื่องบิน เด็กจะทำอย่างเป็นอิสระและสนุกสนาน
- การวาดคน จะเห็นข้อต่อของคน ซึ่งเป็นระยะที่เด็กเริ่มค้นพบ เสื้อผ้ามีรอยพลิ้วไหว มีรคอยย่น รอยยับ คนแก่-เด็กต่างกัน ด้านสัดส่วนก็ใกล้ความจริง มีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นแต่จะเป็นรายละเอียดที่จำเป็นเท่านั้น เน้นสัดส่วนสำคัญที่เกินความจริง ชอบวาดตนเอง แสดงความรู้สึกทางร่างกายมากกว่าคุณลักษณะภายนอก
- สี แบ่งออกเป็น 2 พวก พวกแรกจะใช้สีตามความเป็นจริง (Visually Minded) ส่วนอีกพวกมักใช้สีตามอารมณ์และความรู้สึกของตนเอง (Non Visually Minded) มักแสดงออกโดยเน้นความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับโลกภายนอก นับเป็นการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ทางศิลปะ
- ช่องว่าง พวก Visually Minded เด็กเริ่มรู้จักเส้นระดับ รูปเริ่มมี 3 มิติ โดยการจัดขนาดวัตถุเล็กลงตามลำดับ ระยะใกล้ไกล ส่วนพวก Non Visually Minded มักไม่ค่อยใช้รูป 3 มิติ ชอบวาดภาพคนและมักเขียนโดยใช้ตนเองเป็นผู้แสดง สิ่งแวดล้อมจะเขียนเมื่อจำเป็นเท่านั้น
- การออกแบบ พวก Visually Minded ชอบออกแบบทางสวยงาม พวก Non Visually Minded มักมองทางประโยชน์ อารมณ์ แต่ทั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น เด็กจะยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของการออกแบบอย่างจริงจัง